หมวดหมู่ประเภทกฎหมาย ฎีกาวิเคราะห์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5314/2544 แพ่ง อายุความสะดุดลง อายุความฟ้องผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (มาตรา 193/14


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5314/2544   
                                                 ธนาคารกสิกรไทย  จำกัด (มหาชน)                โจทก์ 
                                                 ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด                         เจ้าหนี้ 
                                                 บริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด             จำเลย

แพ่ง  อายุความสะดุดลง  อายุความฟ้องผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (มาตรา 193, 14,193/15,1001)

พ.ร.บ.  ล้มละลายฯ (มาตรา 94(1))

     มูลหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินมีอายุความ 3 ปี  ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1001 การที่เจ้าหนี้ได้นำหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายก่อนที่ตั๋วสัญญาใช้เงินแต่ละฉบับจะครบกำหนดอายุความ   เป็นการฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้อง   ไม่ใช่เป็นเพียงเพื่อให้จัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ผู้ล้มละละลายแต่อย่างเดียว  ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 173 (เดิม) แม้ต่อมาเจ้าหนี้ได้ถอนฟ้องคดีล้มละลายอันเป็นผลให้ไม่นับว่าเป็นเหตุอายุความสะดุดลงตามมาตรา 174 (เดิม) ก็ตาม   แต่เมื่อพ้นกำหนดอายุความตามตั๋วสัญญาใช้เงินแล้ว   ลูกหนี้ได้ทำสัญญารับสภาพหนี้ยอมรับผิดชดใช้หนี้ต่อเจ้าหนี้ถือได้ว่าลูกหนี้ได้ละเสียซึ่งอายุความที่ครบบริบูรณ์   และเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันรับสภาพหนี้  เมื่อเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ก่อนครบกำหนดอายุความซึ่งมีกำหนดเวลา 3 ปี  เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้
 

     คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้(จำเลย) ไว้เด็ดขาดเมื่อวันที่  30 เมษายน  2536  เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้  รวม 4 อันดับ  คือ อันดับที่ 1 หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน  ระหว่างวันที่  17 กุมภาพันธ์  2527  ถึงวันที่  22 กรกฎาคม  2527  จำนวน  17 ฉบับ  พร้อมดอกเบี้ย  จำนวนเงิน 29,023,952.82 บาท  อันดับที่ 2  มูลหนี้ภาระค้ำประกัน(เป็นตัวเงิน) ในต้นเงิน 1,000,000 บาท  พร้อมดอกเบี้ยจำนวนเงิน 2,263,301.41 บาท  อันดับที่ 3 มูลหนี้ภาระค้ำประกัน (ไม่เป็นตัวเงิน) 7 ฉบับ  พร้อมดอกเบี้ย   จำนวนเงิน  4,036,308.50 บาท และอันดับที่ 4 มูลหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีพร้อมดอกเบี้ย  จำนวนเงิน  20,686.84 บาท  เป็นเงินรวมทั้งสิ้น  35,344,249.57 บาท  จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้

     เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483  มาตรา 104  แล้ว  ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้

     เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นว่า   มูลหนี้อันดับที่ 1 เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในวันที่ 6 ธันวาคม  2536  เป็นการยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายหลังจากมูลหนี้ขาดอายุความแล้ว  ต้องห้ามิให้ขอรับชำระนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483  มาตรา 94 (1) ส่วนมูลหนี้อันดับที่ 2 และอันดับที่ 4 เห็นควรให้ได้รับชำระหนี้รวมเป็นเงิน 2,447,171.71 บาท  จากกกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามาตรา 130 (8) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483  โดยมีเงื่อนไขว่า  หากเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากนางสมทรง  โสรัต  และพันตำรวจโทลักษณ์พิจิตร  โสรัต   ลูกหนี้ร่วมแล้วเพียงใด  ให้สิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ในคดีนี้ลดลงมาเพียงนั้น  ส่วนที่ขอเกินมาให้ยกเสีย

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามรายงานความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

เจ้าหนี้อุทธรณ์

     ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า  อนุญาตให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับที่ 1. ได้  เป็นเงินจำนวน 29,023,952.82 บาท  ตามที่ขอ   เมื่อรวมกับมูลหนี้อันดับที่ 2 และอันดับที่ 4 ตามคำสั่งอนุญาตของศาลชั้นต้นอีก  2,447,171.71 บาท  จึงรวมเป็นเงินทั้งสิ้นที่เจ้าหนี้ได้รับจำนวน  31,471,124.53 บาท  จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา  130(8) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย  พ.ศ. 2483  โดยมีเงื่อนไขว่า  หากเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากนางสมทรง  โสรัต  และพันตำรวจโทลักษณ์พิจิตร  โสรัต  ลูกหนี้ร่วมแล้วเพียงใด   ให้สิทธิที่จะได้รับชะระหนี้ในคดีนี้ลดลงมาเพียงนั้น  นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา

     ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “...เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินแต่ละฉบับครบกำหนด  ลูกหนี้เพิกเฉยไม่ชำระหนี้  ต่อมาวันที่ 6 กุมภาพันธ์  2530  เจ้าหนี้จึงได้ฟ้องลูกหนี้ในมูลหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวเป็นคดีล้มละลายต่อศาลแพ่ง   คดีหมายเลขดำที่ ล.61/2530  ในระหว่างพิจารณาคดีล้มละลายเมื่อวันที่  25  ธันวาคม  2533  ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่เจ้าหนี้   เจ้าหนี้จึงได้ถอนฟ้องคดีล้มละลายเมื่อวันที่  26  ธันวาคม  2533  ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า   เจ้าหนี้นำหนี้ดังกล่าวมาขอรับชำระหนี้ได้หรือไม่   เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาว่า   การที่เจ้าหนี้ถอนฟ้องคดีล้มละลายย่อมเป็นการลบล้างผลแห่งการยื่นฟ้องให้ถือว่าอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  193/17  วรรคแรก   และลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้เมื่อวันที่  25 ธันวาคม  2533  เป็นระยะเวลาภายหลังจากที่หนี้ขาดอายุความแล้ว  และเป็นการรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/35  มีกำหนดอายุความ 2 ปี  เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม  2536  จึงเป็นเวลาภายหลังจากที่หนี้ขาดอายุความแล้ว   เห็นว่า  มูลหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนดอายุความ 3 ปี  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001  เจ้าหนี้ได้นำหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายก่อนที่ตั๋วสัญญาใช้เงินแต่ละฉบับจะครบกำหนดอายุความ   เป็นการฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องไม่ใช่เป็นเพียงการฟ้องคดีเพื่อให้จัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ผู้ล้มละลายแต่อย่างเดียว  จึงมีผลให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 (เดิม) แม้ต่อมาเจ้าหนี้ได้ถอนฟ้องคดีล้มละลายดังกล่าวอันเป็นผลให้ไม่นับว่าเป็นเหตุให้อายุควาสะดุดหยุดลงตามมาตรา 174 (เดิม) ก็ตาม   แต่เมื่อวันที่  25 ธันวาคม  2533  ซึ่งกำหนดอายุความตามตั๋วสัญญาใช้เงินได้ล่วงพ้นไปแล้ว  ลูกหนี้ได้ทำสัญญารับสภาพหนี้ได้ละเสียซึ่งอายุความที่ครบบริบูรณ์แล้ว  และเริ่มนับอายุความใหม่ต่อไปตั้งแต่วันรับสภาพหนี้   เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้รายนี้เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม  2536  จึงไม่ขาดอายุความซึ่งมีกำหนดเวลา 3 ปี  เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้รายนี้ได้   ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาอนุญาตให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้ในมูลหนี้รายนี้นั้น  ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล  ฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังไม่ขึ้น”
 

พิพากษายืน  ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ                 

(วัฒนชัย  โชติชูตระกูล – พิชัย  เตโชพิทยากูล – พีรพล  จันทร์สว่าง)

มนตรี  ศิลป์มหาบัณฑิต -  ย่อ

ประดิษฐ์  เอกมณี –ตรวจ

หมายเหตุ: ข้อมูลหรือบทความที่ปรากฏในเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้น
โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อการศึกษา, วิจัยกฎหมายและแนะนำผลงานของผู้เขียนข้อมูลหรือบทความนั้นๆ เพื่อให้เกิด
ความเข้าใจในกฎหมาย และมุ่งประโยชน์ ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ โดยมิได้กระทำเพื่อหากำไรในทางการค้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น