หมวดหมู่ประเภทกฎหมาย สาระกฎหมายน่ารู้

ความผิดเกี่ยวกับเพศ

     ปัจจุบันในสังคมเรามีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาครอบครัว สิ่งแวดล้อม  ธุรกิจการค้า การจราจร  เป็นต้น และปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาสังคมที่เราต้องเผชิญอยู่ทุกวัน

     แต่มีปัญหาหนึ่งในสังคมเราที่ไม่พึงปรารถนาจะให้มันเกิดขึ้นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องที่ขัดต่อความรู้สึกอันดีงามของประชาชน และที่สำคัญยังขัดต่อตัวบทกฎหมายอันใช้บังคับอยู่ในสังคมประเทศเรา คือ ปัญหาอาชญากรรม เช่น คดีลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยาเสพติด เป็นต้น  แต่ผู้เขียนขอหยิบยกปัญหาหนึ่งซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับความผิดทางเพศ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก เพื่อให้ผู้อ่านรู้ถึงปัญหาเหล่านี้ ช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในสังคมเรา

     คดีเกี่ยวกับความผิดทางเพศ ฐานข่มขืนกระทำชำเรา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 บัญญัติว่า “ผู้ใดข่มขืนหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

     วรรคสอง  ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรคได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี หรือปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท  หรือจำคุกตลอดชีวิต”

ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิง  ตามมาตรา 276 แยกองค์ประกอบได้ดังนี้
     1. ข่มขืนกระทำชำเรา
     2. หญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตน
     3. โดยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
          ก. โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ
          ข. โดยใช้กำลังประทุษร้าย
          ค. โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
          ง. โดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคลอื่น

กระทำลักษณะใดเป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา
     คำพิพากษาฎีกาที่ 1133/2509  จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหาย จนของลับของจำเลยได้เข้าไปในของลับของผู้เสียหายราว 1 องคุลีเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำชำเราสำเร็จตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 276 แล้ว การที่ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่ามีน้ำอสุจิของจำเลยออกมาอยู่ที่ของลับของผู้เสียหายที่ของลับจำเลยนั้นเป็นเรื่องสำเร็จความใคร่แล้วหรือไม่  เป็นอีกส่วนหนึ่งไม่เป็นเหตุให้เห็นว่าจำเลยกระทำชำเราไม่สำเร็จหรือเป็นเพียงขั้นพยายาม

     คำพิพากษาฎีกาที่ 1048/2518  การกระทำชำเราตามกฎหมายจะต้องปรากฏว่าของลับของชาย  ล่วงล้ำเข้าไปในช่องสังวาสหรืออวัยวะสืบพันธุ์ของหญิง การที่จำเลยขืนใจผู้เสียหาย โดยใช้ของลับของจำเลยใส่เข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหาย จึงไม่เป็นการกระทำชำเราคงมีแต่ความผิดฐานกระทำอนาจารเท่านั้น

     ร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง  หมายถึงการที่ผู้ร่วมกระทำตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปร่วมกันรุมข่มขืนกระทำชำเราหญิงโดยผลัดกันกระทำชำเราด้วยตนเอง ดังนั้นหากเป็นการที่คนเดียวข่มขืนหลายครั้งหรือคนเดียวข่มขืน แต่มีอีกหลายคนช่วยจับแขนขา เช่นนี้ก็เป็นการกระทำการโทรมหญิง แต่ถ้าเป็นการที่หลายคนโทรมหญิงแล้ว คนอื่นที่ร่วมในการกระทำแม้ไม่ได้ข่มขืนด้วยตนเองก็เป็นความผิดเป็นตัวการโทรมหญิง

     คำพิพากษาฎีกาที่ 4796/2530 แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 1 พาผู้เสียหายไปให้พวกของตนผลัดกันข่มขืนกระทำชำเราและรออยู่จนพวกของตนข่มขืนกระทำชำเราเสร็จแล้วจึงพาผู้เสียหายกลับไปนั้นถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกกระทำผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง

     คำพิพากษาฎีกาที่ 3007/2532 (ประชุมใหญ่ ) เมื่อจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว พวกของจำเลยได้ผละจากพวกของผู้เสียหายมาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่ออีก แม้พวกของจำเลยจะไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในอวัยวะของผู้เสียหายได้แต่ก็ลงมือกระทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนถึงขั้นพยายามแล้วการที่จำเลยกับพวกผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราผู้เสียหายต่อเนื่องกันถือได้ว่าการร่วมกันกระทำชำเราผู้เสียหาย อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง

สรุปแนวคำพิพากษาฎีกา
1.  ผู้กระทำคนเดียว กระทำชำเราหญิงหลายคนไม่เป็นการโทรมหญิง
2.  คนหลายคนจับหญิงไว้ ผู้กระทำชำเราเพียงคนเดียวทุกคนเป็นตัวการแม้ไม่ได้กระทำชำเราหญินั้น หรือผู้กระทำเป็นหญิง ซึ่งไม่สามารถกระทำชำเราได้ ก็ผิดฐานร่วมกันกระทำชำเรา
3.  การโทรมหญิงหรือรุมข่มขืนกระทำชำเรา ผู้ร่วมกระทำตั้งแต่สองคนขึ้นไป ต้องผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราหญิงคนละครั้ง (ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 3007/2532 ประชุมใหญ่ ) ผู้ร่วมกระทำอีกคนหนึ่งลงมือกระทำการข่มขืนจนถึงขึ้นพยายามแล้ว เป็นการโทรมหญิง

ข้อสังเกต  การโทรมหญิงนอกจากเป็นเหตุเพิ่มโทษสูงขึ้น ตามมาตรา 276 วรรคสอง ยังเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ ตามมาตรา 281

อนึ่ง สำหรับความผิดทางเพศที่ได้กล่าวไว้นี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความผิดในลักษณะ 9ความผิดเกี่ยวกับเพศ   ซึ่งในครั้งต่อไปผู้เขียนก็จะนำเรื่องในลักษณะนี้มาเขียนลงอีกครั้งหนึ่ง

โดย รุ่งโรจน์     วิเศษชาติ

หมายเหตุ: ข้อมูลหรือบทความที่ปรากฏในเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้น
โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อการศึกษา, วิจัยกฎหมายและแนะนำผลงานของผู้เขียนข้อมูลหรือบทความนั้นๆ เพื่อให้เกิด
ความเข้าใจในกฎหมาย และมุ่งประโยชน์ ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ โดยมิได้กระทำเพื่อหากำไรในทางการค้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น