หมวดหมู่ประเภทกฎหมาย สาระกฎหมายน่ารู้

ครอบครองปรปักษ์เป็นอย่างไร

     ก่อนอื่นขอแนะนำบรรดาผู้ที่มีทรัพย์สินทั้งหลายรวมถึงบรรดาเศรษฐีที่ร่ำรวยมหาศาลจนไม่รู้ว่าตนเองมีทรัพย์สินอยู่ในที่แห่งใดบ้าง ขอได้โปรดพึงสังวรณ์ หมั่นตรวจตราดูแลสงวนรักษาทรัพย์สินของตนเอง มิฉะนั้นที่ดินหรือทรัพย์สินของท่านก็อาจไม่เหลือเช่นกัน ทั้งนี้เพราะโดยผลของคำในภาษากฎหมายว่า “ครอบครองปรปักษ์”

            คำว่า “ครอบครองปรปักษ์” เป็นคำที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายใด ๆ แต่เป็นที่เข้าใจในวงการกฎหมายทั้งยังปรากฏในคำพิพากษาของศาลว่า หมายถึง การเสียสิทธิในทรัพย์สินของตนโดยการถูกผู้อื่นแย่งการครอบครอง หรือในทางหลักทฤษฎีกฎหมายเรียกว่า อายุความได้สิทธิ เป็นการที่บุคลอื่นจะได้สิทธิหรือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของเราโดยการครอบครอง เรามาทำความรู้จักหน้าตาของกฎหมายที่ว่านี้กัน คือตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ว่า “บุคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบ และโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ   ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี   ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้   ท่านว่าบุคลนั้นได้กรรมสิทธิ์”

            หลักเกณฑ์แห่งการครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์  มีหลักเกณฑ์   6    ประการดังนี้

            1. ครอบครอง   หมายถึง   กริยาเข้ายึดถือทรัพย์สิน  เช่นเข้าทำประโยชน์ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ในเรือกสวนไร่นา  ถือว่าได้ครอบครองเรือกสวนไร่นาแล้วนั้น  เป็นต้น

            2.ทรัพย์สินของผู้อื่น  หมายถึง  ทรัพย์สินที่เจ้าของมีกรรมสิทธิ์อยู่และในกรณีที่ดินจะต้องเป็นที่ดินมีโฉนดหรือตราจองเท่านั้น

            3. โดยสงบ  คือ  การครอบครองโดยปราศจากการข่มขู่  การใช้กำลัง  การหลอกลวงและไม่มีใครหวงห้าม  กีดกัน   แสดงความเป็นเจ้าของ หรือฟ้องร้องขับไล่

            4. โดยเปิดเผย  คือ  การครอบครองโดยไม่ได้หลบซ่อนเร้น ปิดบัง หรืออำพรางใด ๆ

            5. ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ  คือ  การครอบครองโดยเจตนาตั้งใจที่จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น  ไม่ใช่การครอบครองแทนผู้อื่น เช่น คนสวนเฝ้าสวนแทนเจ้าของสวน  หรือครอบครองตามสัญญาที่ให้อำนาจไว้  เช่น   การครอบครองที่นา  ทำนาตามสัญญาเช่านา   เป็นต้น

            6. ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี หรือสังหาริมทรัพย์ติดต่อกันห้าปี   ความหมายอสังหาริมทรัพย์โดยทั่ว ๆ ไป  หมายถึง  ที่ดินรวมทั้งทรัพย์สินที่ติดกับที่ดิน  เช่น   ตึกรามบ้านช่อง   อาคารถาวรวัตถุ   เป็นต้น   สังหาริมทรัพย์ก็คือ  ทรัพย์ที่ขนเคลื่อนที่ได้นั้นเอง  

     หลักเกณฑ์  6  ประการข้างต้นข้อที่ควรจดจำเป็นพิเศษ  คือ  ต้องเป็นทรัพย์สินที่เจ้าของมีกรรมสิทธิ์อยู่  และถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันนานถึง  10  ปี  กรณีที่ดินมีหลักฐานต่อไปนี้ถือว่ามีเพียงสิทธิครอบครองเท่านั้นไม่ถือว่ามีกรรมสิทธิ์ซึ่งรู้จักหรือโดยเรียกกันทั่วไปว่า “ที่ดินมือเปล่า” คือ

1.    น.ส. 3  เรียกย่อจากคำว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์  เป็นแบบเก่า
2.    น.ส. 3 ก.  หนังสือรับรองการทำประโยชน์  ออกโดยใช้การถ่ายรูปทางอากาศ
3.    น.ส. 2  ใบจอง   เป็นหนังสือที่รัฐอนุญาตให้ครอบครองที่ดินชั่วคราว
4.    น.ส. 5  ใบไต่สวน  เป็นหนังสือที่ทำขึ้นเพื่อการจะออกโฉนดที่ดิน
5.    ใบนำ   เป็นหนังสือที่ออกให้แก่ผู้ครอบครองที่ดิน  นำเจ้าพนักงานรังวัดที่ดิน
6.    ส.ค. 1   เป็นหนังสือแจ้งการครอบครอง
7.    สทก. 1   เป็นหนังสืออนุญาตให้ได้การผ่อนผัน ให้มีสิทธิทำกินชั่วคราว ในเขตป่าสงวน แห่งชาติ ซึ่งผู้ได้รับการผ่อนผันให้เป็นผู้มีสิทธิครอบครองทำกินชั่วคราวมีเงื่อนไขว่า จะแบ่งแยก หรือโอนสิทธิ หรือให้เช่าช่วงทำกินไปยังบุคคลอื่นมิได้ เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดก แก่ทายาทโดยธรรม
8.    ที่ดินที่มีสิทธิครอบครอง  แม้ไม่มีหนังสือใด ๆ แสดงสิทธิเลย
 

ที่ดินตามที่กล่าวมาข้างต้น  การถูกผู้อื่นแย่งการครอบครองไม่ใช้อายุความ  10  ปี
 

     ตามมาตรา 1382  แต่จะอยู่ในบังคับของบทบัญญัติมาตรา   1376      “ ถ้าผู้ครอบครองถูกแย่งการครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไซร้ ท่านว่าผู้ครอบครองมีสิทธิจะได้คืนซึ่งการครอบครอง  เว้นแต่อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเหนือทรัพย์สินดีกว่า  ซึ่งจะเป็นเหตุให้เรียกคืนจากผู้ครอบครองได้

     การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น  ท่านว่าต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง”

     เมื่อได้เห็นบทบัญญัติของกฎหมายนี้แล้ว บรรดาเจ้าของที่ดินมือเปล่าจะต้องขยันมากกว่าเจ้าของที่ดินมีกรรมสิทธิ์  คือ ต้องเอาใจใส่หมั่นดูแลที่ดินของตนอย่างน้อยปีละครั้ง เพราะหากมีผู้อื่นเข้ามาแย่งการครอบครองบุกรุกเข้ามาจะได้ทักท้วงหวงห้ามปกป้องสิทธิของตนไว้ก่อนเพราะที่ดินมือเปล่าเพียงผู้อื่นเข้ามาครอบครองที่ดินของเราเพียงแค่  1  ปี ก็ได้สิทธิครอบครองแล้วหากเกิน  1  ปี แล้วจะไปฟ้องศาล ศาลก็ต้องยกฟ้อง ทั้งนี้เนื่องจากการฟ้องเพื่อเอาคืนต้องฟ้องภายใน 1  ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองที่สำคัญคือ  ไม่ใช่นับแต่เวลาที่เจ้าของที่ดินรู้นะครับจะบอกให้
 

หมายเหตุ: ข้อมูลหรือบทความที่ปรากฏในเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้น
โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อการศึกษา, วิจัยกฎหมายและแนะนำผลงานของผู้เขียนข้อมูลหรือบทความนั้นๆ เพื่อให้เกิด
ความเข้าใจในกฎหมาย และมุ่งประโยชน์ ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ โดยมิได้กระทำเพื่อหากำไรในทางการค้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น