- หมวดหมู่ประเภทกฎหมาย
- Links ศาล
หมวดหมู่ประเภทกฎหมาย สาระกฎหมายน่ารู้
การให้ตามกฎหมาย มีขอบเขตอย่างไร ?
บทนำ
การให้ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แตกต่างจากการให้ตามที่ชาวบ้านเข้าใจกัน เนื่องจากชาวบ้านเข้าใจว่า เมื่อผู้ให้ออกปากรับคำว่าให้ทรัพย์สินสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้ว ถือว่า การให้เป็นอันสมบูรณ์ หากผู้ให้บิดพลิ้วภายหลังถือว่า ผู้ให้ผิดสัญญาและจะนำเรื่องไปฟ้องร้องต่อศาล
แต่ความจริงตามกฎหมายแล้ว ความเข้าใจดังกล่าวยังคลาดเคลื่อนแตกต่าง ความสมบูรณ์ของการให้ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้มาก เพราะการให้ตามกฎหมายที่จะสมบูรณ์ใช้บังคับระหว่างผู้ให้กับผู้รับได้นั้นมีองค์ประกอบตามกฎหมายหลายประการ และมีเงื่อนไขต่าง ๆ อันจะถือว่าเป็นการให้ที่สมบูรณ์ใช้บังคับได้ตามกฎหมายนั้นอยู่
บทความนี้จึงจัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องของการให้ตามความหมายที่ถูกต้องของกฎหมาย โดยเฉพาะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนนักศึกษาและนักกฎหมายทุกท่าน
บทที่ 1. สัญญาให้คืออะไร ?
สัญญาให้ ปรากฏในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 เอกเทศสัญญา ลักษณะ 3 ตาม มาตรา 521-536 รวม 16 มาตรา สามารถแบ่งเป็นหัวข้อเพื่อทำความเข้าใจในเรื่อง “การให้” ได้ดังนี้.-
1. ความสมบูรณ์ของสัญญาให้
2. สัญญาว่าจะให้
3. การให้ทรัพย์สินซึ่งมีค่าภารติดพัน
4 .การถอนคืนการให้
5. การให้ที่จะเป็นผลต่อเมื่อผู้ให้ตาย
ซึ่งจะได้อธิบายตามแนวดังกล่าวเป็นลำดับได้ แต่ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจในเรื่องความหมายของสัญญาให้เสียก่อนว่ามีความหมายและ
ขอบเขตเพียงใด ** สัญญาให้ คือ สัญญาสองฝ่าย มีฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ให้ และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้รับ และทั้งสองฝ่ายดังกล่าวต่างแสดงเจตนาให้มีการโอนและ การรับโอนทรัพย์อันเป็นวัตถุของสัญญาให้ด้วย
ด้วยเหตุนี้ สัญญาให้จึงมีหลักเกณฑ์ความสำคัญในเรื่องการตกลงของเจตนาที่ผู้ให้ยอมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินแก่ผู้รับโดยมิได้รับค่าตอบแทน และผู้รับก็ยอมรับเอาทรัพย์สินที่ให้นั้น ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 521 ว่า “ อันว่าให้ นั้นคือ สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ โอนทรัพย์สินของตนโดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับ และผู้รับยอมรับเอาทรัพย์สินนั้น ”
อ้างอิง : คดีฟ้องขับไล่ ,สุพิศ ปราณีติพลกรัง , 10 ธันวาคม 2534 , บริษัท กรุงสยาม พริ้นติ้ง กรุ๊พ จำกัด .
โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อการศึกษา, วิจัยกฎหมายและแนะนำผลงานของผู้เขียนข้อมูลหรือบทความนั้นๆ เพื่อให้เกิด
ความเข้าใจในกฎหมาย และมุ่งประโยชน์ ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ โดยมิได้กระทำเพื่อหากำไรในทางการค้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น