- หมวดหมู่ประเภทกฎหมาย
- Links ศาล
หมวดหมู่ประเภทกฎหมาย  บทความ
  
 บทความ
โดนเรียก"ดอกเบี้ยโหด"ทำไงดี ?
                  
โดนเรียก “ดอกเบี้ยโหด” ทำไงดี ?
                    ด้วยสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันที่มีค่าครองชีพสูง มีราย
จ่ายมากขึ้นแต่ขณะเดียวกันรายได้กลับเท่าเดิมทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสิน
เพื่อนำมาใช้จ่ายให้เพียงพอในการดำเนินชีวิต  ครั้นจะไปกู้ธนาคารก็มีขั้น
ตอนยุ่งยาก  ดังนั้นทางเลือกของการที่จะได้เงินมาโดยไม่ต้องมีขั้นตอน
อะไรมากคือ  ยอมเป็นหนี้นอกระบบ  โดยกู้เงินมาจากนายทุนเงินกู้ที่มี
การเรียกเก็บดอกเบี้ยสูงจนชนิดเรียกได้ว่ามหาโหดเลยทีเดียว  และ
ปัญหาที่ตามมาก็คือ  การทวงเงินของบรรดาเจ้าหนี้เหล่านี้โหดพอๆกับ
การเรียกดอกเบี้ย  ทางสำนักงานเราเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญ
และปัญหาที่เกิดจากการเป็นหนี้นอกระบบมีเยอะแยะมากมาย  จึงเขียน
บทความนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้ที่ถูกนายทุนเงินกู้เอารัดเอาเปรียบมีทางที่จะ
ป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายภายใต้กรอบของกฎหมายมาฝาก
               ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าเรื่องการเรียกดอกเบี้ย
ของการกู้ยืมเงินนั้น  กฎหมายได้กำหนดอัตราสูงสุดที่สามารถเรียกเก็บ
ได้  และกำหนดโทษของผู้ที่เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้
ดังนี้
             - ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654  ที่กำหนด
ให้อัตราดอกเบี้ยสูงสุดของการกู้ยืมเงินที่สามารถเรียกเก็บได้ตาม
กฎหมาย ต้องไม่เกินร้อยละ  15  ต่อปี
             - กฎหมายห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 
กำหนดโทษของผู้ที่เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด โดย
ให้จำคุกไม่เกิน  1  ปี หรือปรับไม่เกิน  1,000  บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  
แต่เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวได้ใช้มาเป็นระยะเวลานานมาก  และ
กระทรวงการคลังซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องหนี้นอกระบบมี
มาตรการในการแก้ปัญหาดังกล่าว  โดยกำลังดำเนินการแก้ไขกฎหมาย
ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 ในส่วนของการเพิ่มอัตราโทษ 
และดำเนินการยกร่างกฎหมายการติดตามทวงหนี้ที่ไม่เป็นธรรมเพื่อ
ป้องกันสิทธิ์ของลูกหนี้  อีกทั้งมีมาตรการที่นำหนี้นอกระบบมาเข้าอยู่ใน
ระบบด้วย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์กระทรวงการคลัง 
http://www.mof.go.th/)
 
             ในส่วนที่ว่าเมื่อถูกเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจะ
ทำอย่างไรได้บ้างนั้นขอแยกเป็น  2  กรณีครับ
                    1. เจ้าหนี้ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีแล้ว
                    2. เจ้าหนี้ได้ทวงหนี้ด้วยวิธีต่างๆ โดยยังไม่ฟ้องร้อง
ดำเนินคดี 
    
           1.เจ้าหนี้ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีแล้ว
        ในกรณีที่เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยในการกู้ยืมเงินเกินอัตราที่กฎหมาย
กำหนด ศาลจะพิจาณาในส่วนของดอกเบี้ยให้ตกเป็นโมฆะ เนื่องจากการ
เรียกดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน  
จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150  เมื่อ
ดอกเบี้ยตกเป็นโมฆะการชำระหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยจึงไม่ต้องชำระ  จะ
ชำระก็แต่เพียงต้นเงินที่ได้กู้ยืมมา  แต่ทั้งนี้ถ้ามีการเจรจาตกลงกัน  อาจ
จะทำกันเองระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ หรือศาลอาจช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย
ให้  หนี้ดังกล่าวอาจผ่อนผันลงมาได้ จะมากจะน้อย หรือวิธีการชำระหนี้
จะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับว่ามีการตกลงกันอย่างไร  แต่ท้ายที่สุดเมื่อศาล
มีคำสั่งให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้แล้วก็ควรที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาล  
ในเมื่อหนี้ดังกล่าวลูกหนี้ก็เป็นคนไปกู้ยืมมา  เมื่อเป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้  แต่
หากลูกหนี้ไม่ทำตามคำสั่งศาล  เจ้าหนี้มีสิทธิ์ที่จะบังคับคดียึดหรืออายัด
ทรัพย์สินของลูกหนี้ได้
               2. เจ้าหนี้ทวงหนี้ด้วยวิธีต่างๆ โดยยังไม่ฟ้องร้องดำเนิน
คดี
              กรณีนี้จะมีปัญหาบ่อยมากดูได้จากข่าวที่ปรากฏในสื่อต่างๆ 
เพราะบรรดาเจ้าหนี้ที่มีการเรียกดอกเบี้ยในการกู้ยืมเงินเกินอัตราที่
กฎหมายกำหนด  นอกจากการเรียกดอกเบี้ยผิดกฎหมายแล้ว วิธีการทวง
หนี้อาจผิดกฎหมายด้วย เช่น การทวงหนี้ด้วยวิธีข่มขู่ว่าจะทำอันตราย
ชีวิตหรือทรัพย์สิน  การทำร้ายร่างกาย  เป็นต้น  เมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้  
วิธีที่จะช่วยป้องกันและบรรเทาความเสียหายในเบื้องต้นภายใต้กรอบของ
กฎหมายอาจทำได้ดังนี้ครับ
            2.1 ในเบื้องต้นควรหาทางเจรจากับเจ้าหนี้  เพื่อขอลดหย่อน
ผ่อนหนี้
            2.2 หากมีกรณีที่เจ้าหนี้ใช้วิธีทวงหนี้ที่บีบบังคับหรือล่วงเกิน
สิทธิ์มากเกินไป เช่น ตามทวงหนี้กับทางบ้านหรือที่ทำงานในลักษณะข่ม
ขู่จนทำให้เดือดร้อนรำคาญ  หรือถูกทำร้ายร่างกาย ก็ให้ไปดำเนินการ
แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ
            2.3 ร้องเรียน  แจ้งเบาะแส  พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ทวงหนี้ผิด
กฎหมาย ไปยัง กลุ่มป้องปรามการเงินนอกระบบ  กระทรวงการคลัง  
ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่รับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับบรรดาหนี้นอก
ระบบ โดยสามารถแจ้งไปยังศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบสายด่วน
โทร.1359 (ต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ เว็ปไซต์ของกลุ่มป้อง
ปรามการเงินนอกระบบกระทรวงการคลัง 
http://www.mof.go.th/fincrime2004/)
              วิธีที่ได้แนะนำไปนั้นเป็นเพียงการป้องกันและบรรเทาความเสีย
หายเบื้องต้นเท่านั้น  การที่จะทำให้ปัญหาการถูกทวงหนี้ยุติลงได้ก็คือ  
การชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เสีย  ส่วนจะชำระเต็มจำนวนหรือไม่ หรือจะมีวิธี
การอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถตกลงกับเจ้าหนี้ได้เป็นอย่างไร  
แต่!!!อย่าลืมนะครับหนี้ทั้งหมดที่เกิดขึ้น คุณมีส่วนที่ก่อมันขึ้นมา  เมื่อ
คุณได้ทำไปแล้วควรที่จะรับผิดชอบกับสิ่งที่คุณได้ทำไปด้วยแต่ถ้าถูกเอา
รัดเอาเปรียบก็ควรต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม  อย่างไรก็แล้วแต่ วิธี
ที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณไม่เป็นหนี้  วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้บรรดานายทุนเงิน
กู้และหนี้นอกระบบหมดไปจากสังคมไทย  คือการที่ทุกคนรู้จัก “พอเพียง
ในสิ่งที่เรามีและเพียงพอกับชีวิตที่เป็นอยู่” มีน้อยใช้น้อย มีมากก็รู้จักเก็บ
ออม  เพียงเท่านี้คำว่า“เป็นหนี้”จะไม่มีในพจนานุกรมของคุณ เหมือนกับ
ประโยคที่ว่า
                     “การไม่มีหนี้       เป็นลาภอันประเสริฐ” 
                                                                                                      By เต้มหาดไท 
 
โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อการศึกษา, วิจัยกฎหมายและแนะนำผลงานของผู้เขียนข้อมูลหรือบทความนั้นๆ เพื่อให้เกิด
ความเข้าใจในกฎหมาย และมุ่งประโยชน์ ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ โดยมิได้กระทำเพื่อหากำไรในทางการค้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น
 
                         รับรองลายมือชื่อและเอกสาร (Notary Public )
                        รับรองลายมือชื่อและเอกสาร (Notary Public )
                        
