บ้านเช่าไม่ยอมคืนของ

ณปภัช , 2015-06-22 05:37:09 pang_suksom@hotmail. com
 สวัสดีค่ะ..เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนของแฟนเปิดร้านขายโทรศัพท์ โดยที่แฟนเกิดความสงสารให้ยืมตู้โชว์กระจกจำนวน 4 ตู้ เมื่อเวลาผ่านไป เพื่อนของแฟนได้หนีหนี้นอกระบบไป แฟนเลยติดต่อเจ้าของบ้านเช่า เพื่อส่งข่าวและขอให้เปิดบ้านเพื่อจะเอาตู้โชว์คืน เจ้าของบ้านเช่ารับปากแต่ขอให้ผ่านเวลาให้สัญญาเช่าสิ้นสุด เมื่อถึงเวลาสัญญาเช่าสิ้นสุด เจ้าของบ้านบอกว่าไม่ให้อยากได้ก็ไปปแจ้งความเอาเอง พร้อมกับด่าว่าสารพัดถึงบุพการี และให้บุคคลแอบอ้างเป็นราชการชั้นใหญ่โทรมาพูด แฟนจึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน มูลค่าของประมาณ 100,000 บาท อยากทราบว่าจะให้ทางทนายช่วยเรียกคืนทรัพย์สินยังไงได้บ้างค่ะ และจะเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มจากเจ้าของบ้านเช่าได้อีกหรือไม่ เพราะเจ้าของบ้านเช่าให้รอเพื่อเปิดบ้านประมาณเกือบสองเดือน ซึ่งแน่นอนว่าเกิดความเสียหาย ยุ่งยาก และค่าใช้จ่าย รบกวนช่วยตอบด้วยนะค่ะ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง


 

ธวัชชัย , 2015-06-26 12:24:06

 เรียน คุณณปภัช

              กรณีนี้โดยหลักกฎหมายแฟนของคุณฯ ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในตู้โชว์กระจกนีิ้อยู่  แต่เจ้าของบ้านเช่าก็มีสิทธิยึดหน่วงทรัพย์นี้ไว้ได้เพื่อใช้แทนค่าเช่าที่เพื่อนค้างชำระ เพราะทรัพย์นี้อยู่ในความครอบครองของเพื่อน    
              ผมขอแนะนำให้ทำหนังสือทวงถาม ไปยังเจ้าของบ้านเช่าก่อน
เพื่อการเจรจาและตั้งเรื่องในการฟ้องเอาทรัพย์คืนในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์  หากการเจรจาไม่เป็นผล  

          


 

ณปภัช , 2015-06-30 02:21:42

 ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำ...คือเงินมัดจำเจ้าของบ้านได้ยึดไปแล้วค่ะ จำนวน 14000 บาท ซึ่งเดือนที่เพื่อนหนีไปได้จ่ายค่าเช่าของเดือนนั้นแล้ว ไม่มีการค้างจ่ายค่ะ ซึ่งอย่างนี้เท่ากับเค้าไม่มียอดค้างจ่ายใดๆที่จะต้องยึดทรัพย์ไว้เพื่อใช้ค่าแทน ดิฉันได้ไปแจ้งความแล้วและทางตำรวจได้แนะนำว่าให้รวบรวมหลักฐานเพื่อยืนยันว่าทรัพย์เป็นของเราและส่งให้ทนายเพื่อที่จะส่งโนติสให้เจ้าของบ้าน หากเจ้าของบ้านไม่ยินยอมก็ต้องฟ้องศาลเพ่ง ซึ่งตอนนั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นมาก อยากทราบว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดสามารถเรียกเอาจากเจ้าของบ้านได้มั๊ยค่ะ ถ้าได้ไม่หมดจะมีส่วนใดบ้างมี่สามารถเรียกได้ และจะเรียกได้สูงสุดเท่าไหร่ค่ะ  ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

รายละเีอียด:
ชื่อ:
หมายเหตุ: ข้อมูลหรือบทความที่ปรากฏในเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้น
โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อการศึกษา, วิจัยกฎหมายและแนะนำผลงานของผู้เขียนข้อมูลหรือบทความนั้นๆ เพื่อให้เกิด
ความเข้าใจในกฎหมาย และมุ่งประโยชน์ ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ โดยมิได้กระทำเพื่อหากำไรในทางการค้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น