ขอปรึกษาค่ะว่าฟ้องไดหรือเปล่าค่ะ เหตุผลพอหรือไม่ค่ะ

คุณมิก , 2010-04-26 05:14:29 dolby_1616@hotmail.com

            สวัสดีค่ะคุณทนาย

ดิฉันมีเรื่องจะให้ช่วยค่ะ  เรื่องเกิดเมื่อปี  2548  ในตอนนั้นอายุ ดิฉันไม่เยอะนักประมาณ14-15 ปี คงจะได้

และดิฉันก็ได้แต่งงาน กับผู้ชายลูกชาวบ้านเหมือนกัน ที่จังหวัดเดียวกัน คือจังหวัด ชัยภูมิ  และแต่งมาได้ประมาณ 8-9เดือนเห็นจะได้  ดิฉันและครอบครัวทั้งสองฝ่ายเลยตกลง  ส่งให้ไปเรียนสอบตำรวจ ทุกคนก็ตกลงซึ่งตอนนั้นที่บ้านตอนสามีของดิฉันจะไปสมัคแต่ไม่มีเงินดิฉันและแม่ของดิฉันขับรถวิ่งหาเงินวอนเมื่อที่จะเอามาให้เค้าได้ไปขอใบสมัค เงินนั้นประมาณ 500 บาท

ชึ่งในตอนนั้นหาได้ยากเหมือนกัน แม่ยายต้องไปยืมคนอื่นมาเพื่อลูกเขย  หลังจากไปสอบแล้วก็สอบตืดื จากนั้นดิฉันก็มุ่งสู้กรุงเทพเพื่อหาเงินเดินเรื่องไปสอบสัมภาษณ์ แล้วเตรียมตัวฝึกสอบ ว่ายน้ำ และอื่นๆ  ตอนนั้นดิฉันต้องผ่านการอดทนและ

พยายาม กับสามีเป็นเวลานานพอสมควร ทำงานที่กรุงเทพ ซึ่งเป็นกรรมกรก่อสร้าง แล้วเดินทางไปสอบที่ จังหวัด นครสวรรค์

ผลออกมาว่าเค้าสอบติด  ดิฉันดีใจมากและครอบครัวก็เช่นกัน  ก่อนที่เค้าจะไปมอบตัวเค้าฝึกเรียน หรือ อบรมที่ จังหวัด ยะลาเค้าได้ให้คำหมั่นสัญญาว่า เรียนจบ เค้าจะกับมาจดทะเบียนด้วย แต่แล้วก็มิเป็นเช่นนั้น  สองปีที่เค้าไปเรียนแล้วไปอบรม เราติดต่อกันเป็นอย่างดี  หลังจากแต่งงานเค้าไม่อยู่และไปเรียนดิฉันได้ย้ายเค้าไปอยู่ที่บ้านของ แม่ย่า ซึ่งเป็นแม่ของสามี ดิฉัน

และใช้ชีวิตตามประสาแม่ย่าพ่อปู่กับลูกสะไภ้ ภายในบ้านมีเพียงสามคนเท่านั้น ดิฉันได้ช่วยงานทุกอย่าง ตากแดด ทำงานหนักๆก็เคยทำ อยู่กับแม่ดิฉันก็ไม่เคยทำงานหนักมากนัก เพราะส่วนมากจะเลี้ยงน้องชาย  แต่ที่ทำก็เพราะรักสามี และรอวันที่เค้าจะกับมา จดทะเบียนด้วยกัน จากยะลา ชัยภูมิก็ไกลมิใช่น้อย เค้าเลยไม่ค่อยมีเวลามาหาดิฉัน 3-4 เดือน เจอกัน ประมาณ 3-4 วันเค้าก็ต้องกลับ ยะลา ด้วยความห่างกันเลยทำให้เป็นเรื่อง  เค้าบอกว่ารักดิฉัน และจะกลับมาหาดิฉันแน่นอน  หลังจากเรียนจบ ดิฉันหางานทำรอที่บ้าน เค้าก็ขาดการติดต่อ โทรหาแต่แม่เค้าทั้งๆที่อยู่บ้านเดียวกันกับไม่อยากคุยกับดิฉัน อยูที่บ้านแม่ย่าได้  2  ปี  ต่อมาหลังจากที่เค้าไม่อยากคุยกับดิฉัน    ฉันเลยคิดเอะใจว่าเกิดอะไรขึ้น  เลยขอถามเค้าเพียงคำว่า               ”พี่มีคนอื่นหรอ”  เค้าตอบอย่างไม่รังเลเลยว่า “ใช่พี่มีคนอื่น”  เค้าได้ไปติดหญิงอื่นที่ไม่ใช่เมียตัวเอง   แล้วแอบไปหมั้นกัน โดยที่เค้าอ้างว่า  “พี่ต้องหมั่นกับเค้าถ้าพี่ไม่หมั่นเค้าจะฆ่าพี่” ดิฉันเลยพูดไม่ออก  ได้แต่ร้องไห้  เลยออกจากบ้ายแม่ย่า เข้าสู่กรุงเทพเพื่อนทำงาน  และฉันได้ทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งที่รามอินทรา กับพี่สาวคนที่รู้จัก  ต่อมาเค้าและดิฉันก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ เค้าก็ได้มาหาฉันบาง  ปีนั้น พ.ศ.2551 เรามาพบกันบางเวลาที่เข้ากลับมาบ้าน และมาพบดิฉันที่ ก.ท.ม. ผู้หญิงคนนั้นจะโทรมาหาดิฉันทุกครั้งที่สามีดิฉันกับมาพบฉัน  และบอกให้เลิกยุ่งกลับสามีตัวเอง  โดยที่สามีดิฉันยังไม่เคยเอ่ยปากเลยว่าจะ เลิกกับดิฉัน  แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ” สามีฉันหมั่นกับเธอแล้วยังจะมาบอกให้ฉันเลิกกับสามีตัวเองอีก”   คิดในใจจะเอาอะไรนักหนาอีก  เสียใจก็มากพอแล้วจะให้ทิ้งสามีตังเองอีก รักมากเลยปล่อยให้เลยตามเลย เพราะกลัวสามีถูก พ่อผู้หญิงคนนั้นฆ่า และในคำสัญญาอีกว่าจะกลับมาหาดิฉัน เค้าพูดว่า   ”หมั่นได้ก็เลิกได้”  กลับมาแน่นอนเค้าพูดเอง เค้าได้ให้ความหวังดิฉันมาอีก หนึ่งปี เห็นจะได้  เค้าบอกว่าจะกลับมาจดทะเบียนแน่นอนจะไม่จดกับผู้หญิงคนนั้น  เพราะแค่หมั่น ไม่ได้แต่งเหมือนดิฉัน แต่มาพักหลังดิฉันได้ไปหาเค้าที่ นราธิวาส เพราะเค้าได้ไปทำงานที่นั้นแล้ว แต่กลับไม่ได้ความสนใจอะไรเลยสักนิด จนผู้หญิงคนนั้นปล่อยให้ตัวเองท้องเพื่อที่ สามีดิฉันจะต้องรับผิดชอบ แล้วไม่ให้กลับมาหาดิฉันอีก ดิฉันเลยถามเข้าว่าผู้หญิงคนนั้นท้องได้ไง ทำไมปล่อยให้ท้อง มันก็เป็นความผิดทั้งหญิงและชาย ผิดทั้งคู่  เค้ายังบอกกับดิฉันอีกว่า  “ท้องได้ก็เอาออกได้เหมือนกัน”  ฉันเลยถามเข้าว่ายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ก่อนหญิงคนนั้นจะท้องเค้าได้ไปเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแล้ว แต่กลับปล่อยโอกาศการเรียน  โดยการปล่อยให้ตัวเองท้องกับสามีคนอื่น โคยที่ไม่รู้ว่าชั่วดีเป็นเช่นไร  ดิฉันจึงหมดความอดทน  ทางฝ่ายหญิงโทรมาหาดิฉันไม่เลิกรา แทนที่จะขอโทษ  โดยที่ ดิฉันไม่เคยโทรไปรบกวนเค้าเลย  ดิฉันเลยกลับมาพักใจที่บ้าน   คนที่บ้านมักถามว่าทำไมไม่สู้ แพ้เค้ามำไม   ตอบได้ว่าเพราะรัก  จนมาวันนี้  ฉันยังจดใจจำไม่หายเพราะตอนนั้นความรู้ไม่มากอายุยังน้อย เลยไม่รู้เกี่ยวกับอะไรมาก จนวันนี้อยากขอความเป็นธรรม  จากการริ้นลนแตบตาย  หญิงอื่นก็ได้เอาสามีตัวเองไปครองโดยไม่เรียกร้องอะไรตั้งแต่ต้น ก็อย่างที่บอกอายุยังน้อยความรู้ไม่มาก หวังว่าชักวันสามีเรียน จบ แล้วจะกลับมาจะได้สบายกับเค้าชักทีเพราะสามีมีเงินเดือนทางข้าราชการกินทุกๆเดือน จะได้ไม่ลำบากมากเหมือนแต่ก่อน แต่  ความหวังที่เค้าให้ดิฉันไว้ก็ พังทลาย โดยไม่มีเยื้อใย และคำบอกลา  หรือ คำว่า โชคดี  เราเลิกกันจากผู้ชายคนนั้นจนมาวันนี้  ไม่มีแม้สักคำเลยจริงๆ ต่อมา อีกหนึ่งฉันก็ยังรอเค้าอยู่ เมื่อปีที่ผ่านมา 2552  ปีที่ผู้หญิงคนนั้นท้อง    แล้วทางผู้ชายเป็นคนพูดว่า    “ท้องได้ก็เอาออกได้เหมือนกัน”  ทางดิฉันและเค้าในปีนั้นยังติดต่อกันอยู่  โดยทางโทรศัพท์   ตอนนี้ เข้า 19  แล้วค่ะพอรู้อะไรเยอะบ้างแล้ว

แล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ดิฉันไม่ยอม ทำให้ดิฉันเจ็บปวดใจยิ่งนักเมื่ออ่านเจอคำที่ไม่เพราะหูเท่าไรนักเป็นการดูถูกยิ่งสำหรับดิฉัน คนนะค่ะไม้ใช่ข้อนไม้ จะมาว่าเช่นนี้มิ ดิฉันเองก็อยากให้เรื่องจบนะค่ะแล้วไม่ต้องติดต่อกันอีก แต่เขาเป็นคนส่งมารื้อฟื้นมันเอง

วันที่ 21 เมษายน  53  

 .ใครสะเออะ ม่ะทราบฮะ ม่ะรักกันแล้วก็ไปให้พ่นเลย แลบลิ้น

 

 

ส่งข้อคาวมไรไปรู้ตัวบ้างไม  คนไรไม่ใช่ผู้ชายเอาชะเลยห้ามบอกใคร

วัน 27  พ.ย  52

นี่เธอหน้าของเธอน่ะมียางอายบ้างป่ะเนี่ย  ผู้ชายเค้าไม่รับไฟล์แล้วยังจะส่งมาอีก  ไม่ต้องมาเม้นอีกเพราะhi5เนี่ยเค้ายกหั้ยเราดูแล

เธอไม่มีสิทธิ์  คิดว่ามันจะจบแต่เธอไม่จบเองก็ลองดูนะ  แล้วจะได้รู้ว่าคัยเป็นคัย เดือนหน้านี้เค้าจะหมั้นแล้วเธอยังจะมาตอแย

อารัยไม่ทราบ  พูดกันครั้งเดียวจบนะอย่าหั้ยมีอีก  เธอนี่ก็หน้าตาดีนะแต่ความดื้อรั้นของเธอน่ะสิ   มันไม่เอาไหนซะเลย

อย่าทำตัวหั้ย.........ไปกว่านี้เลยนะ ออ...ที่โทรหาเค้าน่ะเลิกซะนะไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือนนะ

  (คือว่าดิฉันโทรหาสามีแต่ไม่ใช่เธอสามีก็ไม่ได้ว่าอะไร หล่อนเดือดร้อนอะไรไม่รู้ค่ะพี่น้อง)

รู้จักแล้วสะกดเป็นหรือเปล่าคำว่า....เลิกยุ่งน่ะ เธอทำอย่างนี้มันไม่มีออะรัยดีขึ้นมาหรอก  ทำเองก็เจ็บเองอย่าทำเลย

น่าสงสารจริงๆๆ         ( จะถือว่าเป็นคำชมนะ เพิ่งเปิดอ่านเช่นกัน) เมื่อ วันที่23 เม.ย   2553

 21 เมษายน 12:43   2553   เค้าเป็นคนส่งมา   แล้วเค้าบอกว่าไม่ต้องการ   จะส่งมาบอกว่าไม่ต้องการอะไรตอนนี้ ดิฉันส่งไปเมื่อ พ.ศ 2551ปลายปี  แล้วปี 2552 ทางผู้หญิงไม่จบยังมีโทรมาหาดิฉันอยู่

เป็นการยืนยันว่า ส่ง นานแล้ว   แล้วเค้าเพิ่งเปิดอ่านแล้วส่งกลับมาว่า “ไม่ต้องการความหวังดี  ไม่ต้องส่งมา   จะเรียกร้องเอาอะไร  งี่เง่า  ไร้สาระ “ เค้า ส่งให้ดิฉัน   ถ้าไม่เชื่อไปถามกันที่ศาลได้ถ้าต้องขึ้นศาลกันจริงๆ  ดิฉันอยากจะบอกว่า  ในเมื่อมันเป็นข้อความอวยพร หรือ ความหวังดี ทำไมไม่รับไว้ชะละ เอามาให้เป็นเรื่องในวันนี้ทำไม ดิฉันเลยอยากจะเอาเรื่องนะวันนี้เพื่อที่จะให้เค้าทั้งสองได้รู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่เคยได้ทำเรื่องไม่ดีอะไรไปบ้าง  ทางฝ่ายชายเค้าคิดว่าดิฉันไม่กล้าเอาเรื่องเค้า

และไม่มีปํญญาฟ้องร้องอะไร เพราะไม่มีทะเบียน  เค้าบอกว่าดิฉันจะไมได้อะไรเลยแม้แต่แดงเดียว เลยทำให้ฉันอยากเอาเรื่องยิ่งนัก

ส่ง: 19 ธันวาคม 18:57

ของขวัญผูกโบของ ขัวญ ปีใหม่ไม่มีไรให้  นอกจากความห่วงใย   ใจคิดถึง  แต่ส่งไปเค้าจะอ่านหรือป่าวยังม่ะรู้เลย 

 

 

คนไกล  แพ้ คนไกล้   อะโชค ดีนะจ๊ะ เบียร์คอยเปงกำลังใจหัย  ไม่ใช่ว่าเบียร โง่นะที่พอจะไม่รู้เรื่องของพี่ชาย

 

 

เบียร์ทุกเรื่องที่คุณคิดจะทำไร  แล้วทำไรอยู่  แต่ไม่อยากเถียง   ปล่อยไปอะไรจะเกิดมันก็คงเกิด  เบียร์ม่ะรู้จะพูด

 

 

ไปทามไม พูดไปก็เท่านั้น  ไม่มีไรดีขึ้นมาเลย

 

 

ในเมือคุณไม่ยอมรับความจิง     เสียดาย เวลาป่าว  อะนะ   สมหวังนัยทุกเรื่อง    คิดสิ่งใด  ก็ขอให้ได้สิ่งนั้นๆๆ

 

 

สิ่งที่ไม่ดีก็ทิ้งไปกับปีเก่า   กับเรื่องราวระว่างเรา พี่ ที่แสนดี เบียร์ก็พอจะมีความสุขบ้าง อะนะ

 

 

 

 

 

 

 

 

22  เมษายน 53  

 แน่ใจแล้วหรอว่าไม่ได้ส่ง ส่งมาอวยพรปีใหม่บ่ต้องอวยพรบ่ต้องการหยังบ่ต้องส่งมา
จบคือจบแล้วก็ลบซะอีเมล์น่ะให้มีแต่คนที่เบียร์จะติดต่อ
แล้วก็ไม่ต้องเอาไปให้ใครอ่านหรอก
ไม่ต้องไปเล่าให้ใครฟังดอกมันน้ำเน่า
บ่ได้โผล่ดอกเพิ่งเปิดอ่านเพิ่งเจอ
เลยส่งกลับไปบอกว่าบ่ต่องส่งมาขี้เกียจอ่าน
 ก็รู้ว่าบ่ได่เลวแต่อย่ามา ยุ่งเรื่องครอบครัว
บอกคนไม่เกี่ยวนะว่าอย่ายุ่งเรื่องของเฮา
เอาตัวเองให้รอดไม่อยากจะทำก็ทำได้คือกัน
พอขอเหอะต่างคนต่างอยู่อีเมล์หยังก็บ่ต่องส่งข้อความมา
ไร้สาระ

22  เมษายน  53

 

ISBN: อย่ารู้เลย อะนะ

เรืองศักดิ​์เขียน: คนมาก่อนยอมเป็นแฟนเก่า555555555555555 33 นาทีที่แล้ว

ปรางวลัย เรืองศักดิ​์เขียน: ป๊ะป๋าขอบคุงที่บอกว่ามันไร้ค่าเกินไป 34 นาทีที่แล้ว

ปรางวลัย เรืองศักดิ​์เขียน: เอออ...กูคุยกะผัวมึงม่ะต้องเสือก มึงมาทักกูก่อนนะอีดอกแม่ง (ขอโทษไม่เคยทักใครก่อนถ้าเธอไม่ส่งมา แต่ถ้า ฉันทักจริงๆ คงไม่ได้ทักเธอคนนั้น แต่เป็นสามี แต่เค้าดันร้อนตัว  กะแค่ชมว่าลูกน่ารัก แค่นี้ยังโดนเป็นชุดเลยค่ะท่าน)กรุณาอย่าเสือก ผัวมึงคนไหน แคพูดถึงมึงเค้าก็อ้วกแระ สาดเอ้ย ม่ะต้องมายุ่งกะกู ม่ะช่ายพ่อม่ะช่ายแม่กู อย่าสะแหล๋นนะ ลูกๆก็ลูกกูม่ะต้องมาชม เค้าขยะแขยงแกเต็มที่แระมึงแรงกูก็แรง กูร้ายยิ่งกว่า อย่าเสือกๆกูพูดกะผัวกู มึงม่ะมีสิทท

 

นี้เป็นอีข้อความนึงที่ ดูถูกดิฉันมากกก ผัวมึงคนไหน ทำอย่างกะดิฉันมีสามีเยอะยังไงยังงั้นเลย  อืมคำชมที่แสบมากค่ะ   อยากรู้ว่าฟ้องได้ไหมค่ะเรื่องทั้งหมดนี้เหตุผลพอหรือเปล่าค่ะ   ท่านที่เคารพ

 

 

 

                                                                                                                                  นับถือเป็นอย่างสูง

                      




 

นิติธนกิจ , 2010-04-29 10:27:59

ตอบ คุณมิก

     จากข้อมูลตามที่คุณได้ให้มานั้น ข้อความหรือคำพูดต่างๆที่มีการโต้ตอบกันนั้น

ยังไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท หรือดูหมิ่นซึ่งหน้า เป็นเพียงแต่ข้อความหรือการ

กล่าววาจาที่ไม่สุภาพเท่านั้น

   


 

GRACE & GAL , 2010-07-16 10:47:47

สวัสดีค่ะ คุณทนายที่นับถือ
ดิฉันเป็นนายจ้างคนหนึ่ง ซึ่งถามว่าเป็นนายจ้างที่เอาเปรียบลูกจ้างหรือไม่ อยากให้คุณทนายลองพิจารณาให้ทราบด้วยน่ะค่ะ คือว่าดิฉันมีลูกจ้างคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อประมาณ ปี 2552ได้สมัครเข้ามาทำงานกับดิฉัน และได้ตกลงทำสัญญาในการทำงาน 2 ปี ถ้าทำงานไม่ครบตามสัญญา จะต้องถูกปรับเป็นเงินจำนวน 50000 บาท (เนื่องด้วยร้านของดิฉันเป็นร้านตกแต่งเสริมความงามเกี่ยวกับเล็บมือ-เท้า ซึ่งเป็นวิชาชีพที่จะนำติดตัวไปได้ตลอดชีวิต การทำสัญญานี้จะทำเฉพาะลูกจ้างที่ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการตกแต่งต่อเติมเล็บมาก่อนเท่านั้น เพราะทางร้านมีการฝึกอบรมให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นซึ่งมีมูลค่ารวมเบ็ดเสร็จแล้วประมาณ150000 บาท แต่ต้องทำสัญญาการทำงานกับทางร้าน 2 ปี) ต่อมาลูกจ้างคนนี้ก็ลาออกไปเพราะทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน แต่มาอ้างเหตุผลในการลาออกว่า ไม่มีคนเลี้ยงลูก ดิฉันก็ยอมให้ลาออกไป ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นดิฉันมีลูกจ้างเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น และเป็นช่วงที่ทางร้านก็มีลูกค้าค่อนข้าง ๆ จะเยอะมาก อ๋อ...สำหรับลูกจ้างคนนี้ ถ้าวันไหนที่เธอไม่อยากจะทำงาน เธอก็จะอ้างเหตุว่าป่วย ซึ่งดิฉันก็ให้ลาป่วย แต่พอวันต่อมาเธอก็จะหยุดต่อไป โดยไม่มีการแจ้งให้ทางร้านทราบเป็นประจำ ซึ่งบางครั้งดิฉันก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของเธอเหมือนกัน แต่ก็ยังให้โอกาสเธอว่าตลอด ไม่เคยคิดจะไล่ลูกจ้างออกทั้ง ๆที่บางช่วงทางร้านก็มีพนักงานค่อนข้างเยอะ แต่พอทางร้านไม่มีพนักงาน เธอนึกอยากจะออก เธอก็ไปในทันที โดยไม่คิดถึงทางร้านเลย ลูกจ้างคนนี้ลาออกไปได้ประมาณ 5-6 เดือน เธอก็โทรศัพท์มาหาดิฉันเพื่อจะขอเข้ามาทำงานอีก สามีดิฉันก็ไม่อยากให้รับไว้ แต่ดิฉันก็ยังสงสารเพราะเธอไม่มีงานทำ ก็จะให้โอกาสเธออีกครั้ง เธอกลับเข้ามาทำงานได้ 1 เดือน ดิฉันก็นึกสงสารอยากจะให้ประกันสังคมของเธอดำเนินไปอย่างต่อเนี่อง หลังจากที่ถูกตัดขาดไปแล้ว 6 เดือน ดิฉันทำประกันสังคมต่อให้เธอทันที แต่การเข้ามาในครั้งนี้ยังไม่ได้มีหลักฐานการสมัครเข้าทำงานของเธอเลย แต่ตกลงกันด้วยวาจาก่อนทำสัญญาว่า กลับมาครั้งนี้ เธอก็ต้องเริ่มงานใหม่เหมือนพนักงานใหม่ ทำการทดลองงาน 3 เดือน แต่พอเข้าเดือนที่ 2 เธอก็เริ่มมีความประพฤติเหมือนเดิม คือหยุดโดยไม่ลางาน และเธอก็มาบอกดิฉันว่า เธอท้องขอลาออกจากงาน เธอออกไปทันทีดิฉันไม่ได้จ่ายค่าจ้าง ซึ่งตามสัญญาทดลองงานนั้น ถ้าลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ นายจ้างมีสิทธิที่จะไม่ต้องจ่ายค่าจ้างให้ เธอก็ไปฟ้องประกันสังคม ประกันสังคมโทรติดต่อดิฉันมา ทำให้ดิฉันคิดว่า การเป็นนายจ้างนี้มันเสียเปรียบลูกจ้างมากเลย เพราะกฎหมายคุ้มครองแต่ลูกจ้าง ถ้าเป็นลูกจ้างที่ดี ดิฉันยินดีที่จะช่วยเหลือเขาเต็มที่ มีลูกจ้าง 2-3 คนที่ร้าน อยากจะซื้อดาวน์บ้านหรือรถเป็นของตนเอง ดิฉันก็ให้กู้ยึมเงินก่อน โดยไม่คิดดอกเบี้ย และสามารถให้ผ่อนชำระได้ตามความสามารถ แต่ในกรณีนี้ เธอเป็นลูกจ้างที่ปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ แต่ดิฉันก็ยังให้โอกาสให้กลับเข้ามาทำงานอีก และเธอก็ยังทำผิดอีก แต่กฎหมายกลับมองว่านายจ้างรวย นายจ้างผิดที่ไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง ทำไมไม่คิดอีกแง่หนึ่งว่า ถ้าลูกจ้างคนนี้เธอไปปฎิบัติกับนายจ้างคนอื่นเช่นนี้ ไปเรื่อย ๆ คือไปทำงานที่นั้นสัก 2 เดือนแล้วลาออก แล้วฟ้องประกันสังคม ทำงานที่นี้อีก 2 เดือน แล้วไปฟ้องประกันสังคม หรือแรงงานจังหวัด นายจ้างทุกคนยังต้องทนอีกหรือไม่ ในเมื่อนายจ้างเองก็มีภาระหนักว่าลูกจ้าง ต้องจ่ายค่าเช่า ภาษี อุปกรณ์ เงินเดือน ฯลฯ
ดิฉันอยากถามว่า ในกรณีอย่างนี้ นายจ้างมีสิทธิที่จะทำอะไรกับลูกจ้างที่มีพฤติกรรมเช่นนี้บ้าง สามารถนำสัญญาเดิมไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้หรือไม่ ในกรณีที่ลูกจ้างลาออกก่อนทำงานไม่ครบตามสัญญา และถ้าดิฉันไม่จ่ายค่าจ้าง 12 วัน ตามที่ลูกจ้างไปฟ้องประกันสังคมและแรงงานจังหวัด ดิฉันจะมีความผิดต้องรับโทษอย่างไรบ้าง ที่จริงการจ่ายเงินค่าจ้างให้เธอไป ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร แต่ดิฉันไม่ต้องการให้กฎหมายเข้าข้างลูกจ้างที่เอาเปรียบนายจ้าง และไม่ต้องการให้เธอไปทำอย่างนี้กับนายจ้างคนอื่นอีกต่อไปค่ะ ช่วยไขปัญหาให้ดิฉันด่วนได้ไหมค่ะ เพราะตอนนี้ดิฉันรู้สึกว่า ทำไมดิฉันต้องการทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามฏกหมายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายภาษีบุคคลธรรมดา,ภาษีป้าย,หรือการทำประกันสังคมให้พนักงาน แต่กลับกลายเป็นว่า เป็นที่ทำให้ดิฉันเดือดร้อนมากๆ จนอยากจะปิดร้านไม่อยากจะทำอะไรอีกเลย
 

GRACE & GAL , 2010-07-16 10:57:05

มีข้อความเพิ่มเติมค่ะ ลูกจ้างคนนี้มาทำงานครั้งแรกได้ประมาณ 8 เดือน ก็ทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน และลาออกไปเอง แต่ดิฉันก็ไม่ได้คิดจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เพราะคิดว่าถ้าลูกจ้างที่มีพฤติกรรมที่ไม่ดีลาออกไปเอง ก็ดีสำหรับเราแล้ว แต่ไม่คิดว่าเมื่อเราให้โอกาสเธอเพราะสงสารที่ไม่มีงานทำงาน เธอจะมีพฤติกรรมเดิม ๆ อีก และกลับมาทำให้ดิฉันปวดหัวมาก กลับมาครั้งหลังนี้ เธอยังไม่ผ่านการทดลองงานเลยค่ะ เพราะเธอทำงานได้แค่ 1 เดือนกับ 12 วันเท่านั้นค่ะ รวมแล้วทั้งสองครั้ง เธอยังทำงานไม่ครบสัญญา 2 ปี เลยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

 


 

อริยา , 2010-10-16 12:18:46



"ผลของการทดลองงานเป็นการให้สิทธินายจ้างที่จะบอกเลิกสัญญาได้ก่อนวันสิ้นสุดสัญญา กฎหมายจึงถือว่า สัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน จึงได้เปลี่ยนเป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา"

"เมื่อเงื่อนไขการทดลองงานเป็นเหตุให้สัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนเป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาเสียแล้ว วันสิ้นสุดสัญญาที่เคยกำหนดไว้แต่เดิมย่อมถือเสมือนหนึ่งไม่เคยมีมาก่อน เมื่อไม่มีวันสิ้นสุดสัญญา นายจ้างย่อมเลิกจ้างวันใดก็ได้ การที่นายจ้างเลิกจ้างเนื่องจากไม่ผ่านทดลองงาน แม้จะก่อนวันสิ้นสุดสัญญาตามที่กำหนดไว้ก็ตาม ก็มิใช่การผิดสัญญา ลูกจ้างจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายตามระยะเวลาที่เหลืออยู่

เมื่อเป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา นายจ้างมีสิทธิจะเลิกจ้างเมื่อใดก็ได้ก็จริงอยู่ แต่หากจะเลิกจ้างต้องบอกกล่าวล่วงหน้าให้ลูกจ้างทราบตามที่กฎหมายกำหนด มิฉะนั้น ลูกจ้างมีสิทธิเรียกให้นายจ้างชำระสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าได้ นี่ก็ตามที่กฎหมายกำหนดไว้เช่นกัน"
 
              สำหรับในกรณีที่คุณไม่ได้ทำสัญญาจ้างก็จริง แต่พฤติกรรมที่คุณจ้างมีการจ่ายเงินเดือน นอกจากนี้มีประกันสังคม หลักฐานเหล่านี้ผูกมัดคุณเป็นการจ้างงานโดยปริยาย
            หากอยู่ระหว่างทดลองงานสามเดือนและเขาออกไปเอง คุณไม่ต้องจ่ายเงินทดแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแต่อย่างใด  แต่หากกรณีที่คุณไล่เขาออกกรณีนั้นคุณต้องจ่ายค่าชดเชยอะไรไปถ้าเขาไม่ได้ทำผิดกฎระเบียบ คุณทำได้คือถ้าเขายังอยู่ก็บอกกล่าวเป็นหนังสือ มีเหตุผลที่เหมาะสม 

     อ้างอิงมา "ประเมินผลการทดลองงานเมื่อใด? คนงานทั่วๆไป 60-70 วัน ประเมินเลย และควรแจ้งในวันที่ 80-85 อย่าปล่อยให้ เข้าใกล้วันที่ 90 มิฉะนั้นเมื่อรวมระยะเวลาการกล่าวล่วงหน้าตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 แล้วมันจะเลย 120 วัน จะต้องจ่ายค่าชดเชย และหากบอกกล่าวล่วงหน้าไม่เป็น ก็อาจจะโดนค่าบอกกล่าวล่วงหน้าเพิ่มอีกส่วนพนักงาน ที่ทดลองงานมากกว่า 119 วัน ก็ระวังอย่าให้เลย 1 ปีก็แล้วกันเพราะการจ่ายค่าชดเชยจะมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

6. จะทดสอบอย่างไรว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ? ต้องทำแบบฟอร์มการประเมินผลการทดลองงาน โดยมีการกำหนดเกณฑ์ มาตรฐานที่จะผ่านการทดลองงานว่าต้องอยู่ในระดับไหน นายจ้างจะเขียนเองก็เขียนให้ดีๆ นะครับและต้องประเมิน ทุกๆคน หากเขาไม่ผ่านการทดลองงาน เวลาขึ้นศาลแรงงานจะได้มีหลักฐานครบถ้วน แจกแจงได้ชัดเจนว่า สาเหตทีุ่ ไม่รับเป็นพนักงานเพราะเหตุใด

7. ประเมินผลการทดลองงานเมื่อใด? คนงานทั่วๆไป 60-70 วัน ประเมินเลย และควรแจ้งในวันที่ 80-85 อย่าปล่อยให้ เข้าใกล้วันที่ 90 มิฉะนั้นเมื่อรวมระยะเวลาการกล่าวล่วงหน้าตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 แล้วมันจะเลย 120 วัน จะต้องจ่ายค่าชดเชย และหากบอกกล่าวล่วงหน้าไม่เป็น ก็อาจจะโดนค่าบอกกล่าวล่วงหน้าเพิ่มอีกส่วนพนักงาน ที่ทดลองงานมากกว่า 119 วัน ก็ระวังอย่าให้เลย 1 ปีก็แล้วกันเพราะการจ่ายค่าชดเชยจะมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

8. ต้องแจ้งลูกจ้างหรือไม่ ?ต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบ ควรทำเป็นหนังสือแจ้งการเลิกหรือยุติการทดลองงาน ระบุวัน เดือน ปีที่ให้มีผลอย่างชัดเจนและให้ลูกจ้างเซ็นรับทราบ หากลูกจ้างไม่ยอมเซ็น ก็ให้พยานมาลงชื่อรับทราบ 2 คน จากนั้น จึงถ่ายสำเนาปิดประกาศที่บอร์ดหรือปิดในโรงงาน ให้พนักงานรักษาความปลอดภัยคุมตัวออกไปส่งนอกโรงงานหรือบริษัท (วิธีปฏิบัติ ร.ป.ภ. ควรมารอตั้งแต่ที่รับทราบคำสั่งแล้ว) ไม่ควรให้ลูกจ้างอยู่ในบริษัทหรือโรงงานโดยเด็ดขาด อยากมา ให้มาในภายหลัง

9. เหตุผลในการเลิกจ้าง
ก. ผลงานไม่ดี
ข. ผลงานไม่เป็นที่พอใจ
ค. ผลงานไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
ง. อย่าพยายามอ้างสาเหตุอย่างอื่นนะครับเดี๋ยวจะเดือดร้อนเรื่องการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม

10. ทดลองงานต่อได้หรือไม่ หากผลการประเมินไม่ผ่าน ? แต่ดูปัจจัยต่างๆแล้วน่าจะให้โอกาสอีกครั้งเพราะผลงานเริ่ม ดีขึ้นตามลำดับเพียงแต่เข้าใจช้าหรือไม่เคยทำงานมาก่อน ทำให้ปรับตัวไม่ทัน นายจ้างให้ทดลองงานต่อไปได้ครับ แต่ต้องเซ็นสัญญาทดลองงานใหม่ครับ ซึ่งนายจ้างทำได้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าระยะเวลาการทดลองงานเกิน 120 วัน ต้องจ่ายค่าชดเชยนะครับ

11. เรื่องอื่นๆ นายจ้างที่มีระยะเวลาการจ่ายค่าจ้างทุกๆ 7 วัน 10 วัน หรือ 15วัน น่าจะได้ประโยชน์จากการบอกกล่าว ล่วงหน้ามากกว่าการจ่ายค่าจ้างทุกๆวันสิ้นเดือน

ถ้าถามว่าเอามาจากไหน คำตอบก็คือเมื่อกฏหมายไม่กำหนดไว้ ย่อมไม่มีสิทธิ์ตามกฏหมายนั่นเอง แต่อาจมีสิทธิถ้านายจ้างกับลูกจ้างได้ทำข้อตกลงไว้โดยไม่ขัดต่อกฏหมายก็สามารถบังคับได้"

 


 

 

ครูคนหนึ่ง , 2010-10-21 12:10:34

สวัสดีค่ะคุณทนาย
ดิฉันกำลังจะถูกเลิกจ้างจากโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งเขาเรียกดิฉันไปพบวันนี้ และให้ทำงานถึงสิ้นเดือน ตค.นี้ค่ะโดยเขาให้เหตุผลว่าสถานภาพการเงินไม่คล่องไม่มีเงินจ้างต่อดิฉันทำงานได้ 5เดือนแล้วและดิฉันกำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนดิฉันสามารถเรียกร้องสิทธิ์อะไรได้บ้างค่ะ แต่เค้าไม่ได้ให้เอกสารหรือสัญญาใดๆตอนเข้าทำงานนะค่ะ
บางคนก็บอกว่าเข้ากรณีการให้ออกงานดดยไม่เป็นธรรมต้องจ่ายค่าชดเชย  ขอให้คุณทนายช่วยไขข้อข้องใจหน่อยค่ะ
 

nook , 2011-02-22 03:29:44

ขอถามทนายหน่อยค่ะว่าถ้าเราทำสันยาจ้างทำของเราเขียนทุกอย่งแล้วแต่ว่าเวลาเร่าเขียนผิดเราก็ขีดข้า   และจำนวนเงิเราเขียนว่า456892แต่เราเขียนตัวหนังสือว่า298654สันยานี้ยังไช้ได้ไหมค่ะ
แล้วถ้าไช้ไม้ได้มีวิทีแก้ไหมค่ะถ้ามีช้วยบอกหนูด้วยนะค่ะหนูเดือดร้อนจริงจริง


 

สาวิตตรี ผาสุข , 2011-07-06 05:02:16

สวัสดีค่ะคุณทนาย น้องชายดิฉันได้กระทำความผิดต่อชีวิติค่ะ ซึ่งเรื่องคร่าวๆมีดังนี้ค่ะ
 เหตูการวันนั้นซึ่งแม่และน้องสาวได้ไปตกลงทำการเลิกลากับผู้ตาย แต่มีการถกเถียง และ
มีการลงไม้ลงมือกัน ซึ้งผู้ตายได้ตบ ตี กระทืบ และความรุนแรงต่างๆและยังจะใช้มีดพับมาทำร้าย
ซึ้งขณะที่แม่และน้องสาวได้กำลังเดินทางไปบ้านผู้ตาย น้องชายได้เห็นพอดี
จึงได้ขี่รถจักยานยน์ตามไปจนกระทั้งถึงที่เกิดเหตุ คือบ้านผู้ตาย
น้องชายของดิฉันได้เจอเหตุการที่มารดาและพี่สาวตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต
ซึ้งน้องชายของดิฉัน ได้พบเห็นแม่ของตัวเองกำลังถูกทำร้าย จึงใช้อาวุธปืนยิง
ในขณะที่กำลังวิ่งเขาไป ผู้ตายได้เงอยหน้าขึ้นมา จึงทำให้ผู้ตายตกใจ จึงวิ่งเข้าบ้านแต่ผู้ตายคงคิดว่าน้องชายคงวิ่งตามไปจึงวิ่งย้อนออกมาหน้าบ้าน จึงมาเจอน้องชาย ผู้ตายจึงจะวิ่งไปทางหลังบ้าน น้องชายโมโหที่กระทำกับมารดาตัวเองขนาดนั้น จึงยิงจนเสียชีวิต
เป็นเวลาผ่านไป 1ปี ศาลตัดสิน 25ปี ซึ่งน้องชายของดิฉันได้รับสารภาพและอายุเพียง 18ปี
ดิฉันคิดว่าศาลตัดสินแรงเกินไปและยังตัดสินว่าไตร่เตีรยมมาก่อน ดิฉันคิดว่าไม่ยุติทำ
คุณทนายช่วยอธิบายและให้คำแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

รายละเีอียด:
ชื่อ:
หมายเหตุ: ข้อมูลหรือบทความที่ปรากฏในเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้น
โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อการศึกษา, วิจัยกฎหมายและแนะนำผลงานของผู้เขียนข้อมูลหรือบทความนั้นๆ เพื่อให้เกิด
ความเข้าใจในกฎหมาย และมุ่งประโยชน์ ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ โดยมิได้กระทำเพื่อหากำไรในทางการค้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น